ชาย 2 คน เดินทางได้ด้วยกัน คนหนึ่งไม่เคยพูดจริง อีกคนหนึ่งไม่เคยพูดปด ในการเดินทางครั้งนั้น ทั้งสองได้มาถึงที่อยู่ของวานร พญาวานรรู้เข้าก็สั่งบริวารให้ไปพาคนทั้งสองมาหา ความที่พญาวานรใคร่จะให้ชายทั้งสองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตนจึงจัดพิธีต้อนรับโดยขึ้นไนั่งบนบัลลังก์ แล้วให้บรรดาวานร บริวารเข้าแถวขนาบทั้งสองข้างเมื่อชายนักเดินทางมาถึงสถานที่แห่งนั้น พญาวานรถามขึ้นว่าท่านมีความเห็นเป็นประการใด ในฐานะที่เราเป็นราชาผู้หนึ่ง นักเดินทางผู้พูดปดเป็นนิจตอบว่า ข้าแต่พระองค์ ใครๆก็เห็นว่าพระองค์เป็นราชาผู้สง่างาม พญาวานรถามต่อไปว่าแล้วท่านเห็นบริวารของเราเป็นอย่างไรเล่า นักเดินทางผู้นั้นตอบว่า บริวารของพระองค์ ล้วนสูงศักดิ์คู่ควรกับพระองค์ทุกประการ พญาวานรพึงพอใจมาก จึงมอบของรางวัลอันสวยงามให้
นักเดินทางอีกคนหนึ่งนึกในใจว่า เพื่อนร่วมเดินทางของเราได้รับรางวัลงดงามยิ่งนัก เพราะพูดปดแท้ๆ เราเองคงจะได้รับรางวัลยิ่งใหญ่กว่านั้นเสียอีก ถ้าพูดความจริงออกไป ดังนั้นเมื่อพญาวานรหันมาถามว่า แล้วท่านเล่ามีความเห็นเป็นประการใดชายผู้นั้นตอบว่า ข้าพระเจ้าเห็นว่าท่านเป็นว่าท่านเป็นวานรที่ดีมาก ส่วนบริวารของท่านนั้นเล่า ก็ล้วนแต่เป็นวานรที่ดีด้วย พญาวานรได้ยินดังนั้น ก็โกรธมาก สั่งให้ลากตัวชายผู้นั้นออกไปเสีย และแล้วชายผู้น่าสงสารก็ถูกตะปบด้วยเล็บอันแหลมคมถึงแก่ความตาย
วรรณสารวิจักษณ์ เล่ม ๑ (ท๔๐๑) หน้า ๗๖
คำถาม:
๑. เหตุใดพญาวานรจึงจัดพิธีต้อนรับนักเดินทางทั้งสอง
๒. ทำไมนักเดินทางคนที่พูดจริงเป็นนิจจึงตอบคำถามของพญาวานรเช่นนั้น
๓. ทำไมพญาวานรจึงพอใจคำตอบของนักเดินทางคนแรก ทำไมจึงโกรธยิ่งนักเมื่อได้ยินคำตอบของนักเดินทางคนหลัง
๔. ถ้านักเดินทางที่พูดจริงเป็นนิจตอบเลี่ยงๆ ไปเสียบ้าง เช่นตอบว่า "ข้าพระเจ้าไม่เคยเห็นใครที่ไหน ที่มีความสามารถและมีความเป็นผู้นำเสนอท่านได้เลย น่าอัศจรรย์แท้" ผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร
๕. ถ้าการสนทนาระหว่างชายนักเดินทางที่พูดจริงเป็นนิจ กับพญาวานรมิได้เกิดขึ้นต่อหน้าบริวารจำนวนมากเช่นนี้จะเกิดผลเช่นเดียวกันนี้หรือไม่ อย่างไร
* อิอิ ถ้าไม่รู้คำตอบหล่ะก็อีกสองสามวันจะมาเฉลยนะจ๊ะ