ようこそ (Jyokoso) MY BLOG
いらっしゃいませ (hajimemashite) สำหรับผู้เข้าใหม่นะค่ะ ^^V
29 ธันวาคม 2553
ดอกไม้และสายฝน
ดอกไม้และสายฝน
THE FLOWER AND THE FALLING RAIN
เขียน : วาวแพร
"เป็นไปได้ไหมหนอ ทุ่งกว้างแห่งหนึ่งจะมีแต่ดอกไม้สะพรั่ง...
เป็นไปได้สินะ ถ้าทุกคนเลือกปลูกแต่ไม้ดอก หรืออย่างน้อยก็ ‘ช่วยกัน’ ดูแล"
ในวันที่เหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายโลก ในวันที่หัวใจเต็มไปด้วยความชิงชังหลายๆ สิ่งรอบกาย
ในวันที่หมดเรี่ยวแรงแม้แต่จะยิ้มหรือส่งเสียงหัวเราะ
ในท่ามกลางวันเวลาที่เราถูกครอบงำด้วยความรู้สึกเหล่านั้น หากมีใครแค่เพียงสักคนบอกเราว่า
เราคือของขวัญของโลกใบนี้ เป็นสิ่งสำคัญและมีค่าควรแก่การปกป้อง ใส่ใจ ดูแล ทะนุถนอม
แม้ในห้วงเวลาที่เราตอบโต้ด้วยการกระทำอันเสื่อมทราม น่ารังเกียจ
เราจะหัวเราะเยาะ หรือหยันเหยียดเขาไหม? ความจริงใจที่แสนหมดจด
หรือความดีงามอื่นใดที่ได้รับมา จะทำให้คนในโลกมืดถอยหนี หวั่นเกรง
ไม่กล้าเข้าใกล้ความอบอุ่นที่ทอแสงสาดส่องมาหรือเปล่า ?
หากที่ว่ามาข้างต้นคือคำถาม คำตอบจากคนๆ หนึ่งในโลกมืดอย่างเราก็คือ
ไม่มีสิ่งใดควรค่ากับความจริงใจที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนนั้น
นอกจากการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นับจากนี้อย่างรับผิดชอบ เต็มเปี่ยม และถ่ายทอดกำลังใจ
มอบความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับมาเผื่อแผ่ถึงคนรอบข้างบ้าง เท่าที่จะสามารถทำได้
อาจเป็นเพียงใครคนหนึ่งใกล้ๆ ตัว เพียงเท่านั้น...ชีวิตก็มากล้นด้วยความหมายอันงดงาม
ก็แล้วโลกนี้จะน่าอยู่ได้อย่างไร หากไม่มีใครเชื่อมั่นอีกต่อไปว่า การส่งมอบกำลังใจให้แก่กัน
สามารถปลุกพละกำลัง เรี่ยวแรง
และฉุดดึงชีวิตที่เหนื่อยล้าให้กลับมายืนหยัดและก้าวเดินต่อไปได้อีกครั้งอย่างมั่นคง
แม้แต่ละก้าวที่เหยียบย่างจะยังสะท้อนสะเทือนให้บาดเจ็บถึงกลางใจ
แต่ไม่ว่าอย่างไร เราทุกคนต่างก็ต้องเดินต่อ เช่นเดียวกับเด็กน้อยขาขาดคนหนึ่ง
ที่พยายามก้าวให้ได้ด้วยตัวเอง ท่ามกลางกำลังใจจากเพื่อนๆ
“ก้าวสิ ผมรู้ว่าคุณทำได้...ค่อยๆ ยกขาขวาขึ้น ก้าวขาขวาออกไป...เห็นไหม
คุณยืนบนขาซ้ายได้แล้วนะ ก้าวขาขวา ก้าวออกไปก่อน แล้วเหยียบลงบนพื้น นั่นแหละ...
คุณต้องลองอีก ลองหลายหน อย่าขี้ขลาด…เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าต้องเดินได้”
…แล้วเด็กชายขาขาดคนหนึ่ง ก็กลับมาเดินได้อย่างมั่นคงอีกครั้งด้วยขาปรกติและขาเทียมอย่างละข้าง
“คุณไม่ลงไปเล่นน้ำฝนเหรอ”
“ผมลงไปไม่ได้หรอก เดี๋ยวขาจะเป็นสนิม”
“ก็ถอดขาออกเสียก่อนสิ เล่นน้ำฝนสนุกนะ ถอดขาออกเถอะ”
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวใครจะมาขโมยขาผมไป”
“งั้นจะเฝ้าให้ คุณลงไปเล่นน้ำฝนเถอะ”
“อ้าว! แล้วคุณไม่ไปเล่นเหรอ”
“เฝ้าขาให้คุณก่อน พอคุณเล่นเสร็จแล้ว ค่อยลงไปก็ได้”
...ขาข้างซ้ายถูกถอดออกวางไว้บนโต๊ะเรียนอย่างทะนุถนอม
เหล่า นี้ เป็นถ้อยสนทนาบางบทตอน จาก ‘ดอกไม้และสายฝน’ วรรณกรรมเยาวชนเล่มเล็กจาก สำนักพิมพ์ผีเสื้อ ผลงานโดย ‘วาวแพร’ และวาดภาพภาพประกอบแสนน่ารัก โดย ‘เฉลิมชาติ เจริญดียิ่ง’
หนึ่งในเหตุการณ์แสน อิ่มใจคือ เรื่องราวการหัดเดินของ เด็กชายพิรุณ ที่ประสบอุบัติเหตุขาขาด ต้องใส่ขาเทียม และได้กำลังใจจากเพื่อนๆ เกือบทั้งชั้น ช่วยให้กล้าที่จะ ก้าวเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน เพื่อจะได้วิ่งเล่นด้วยกัน เตะ ฟุตบอล เล่นน้ำฝน เดินรดน้ำต้นไม้ด้วยกัน
นอกจาก เด็กชายพิรุณที่เราคอยเอาใจช่วยแล้ว ยังมีผองเพื่อนที่น่ารักไม่แพ้กัน เป็น ต้นว่า เด็กหญิงอ้อแขมผู้ชอบใช้ความคิดคอยแก้ปัญหาให้เพื่อนๆ ที่มีเรื่อง ไม่สบายใจ, เด็กหญิงดอกไม้ที่ไม่อยากเรียนซ้ำชั้น ป.๑, เด็กชายผจญตัวอ้วน ที่กล้ายอมรับความผิดเมื่อรู้ว่าผิด, เด็กชายสงัดที่มักแซวเพื่อนให้ บรรยากาศคึกครื้น, เด็กหญิงพิจิตรมาลา หนอนหนังสือผู้เรียบร้อย เรียนเก่ง
พวก เขาเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ยังเด็กกันเหลือเกิน และคงเพราะพวกเขา ยังเป็นเด็กนี่เอง โลกในสายตาของพวกเขาจึงไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ไม่ มีเลย อะไรก็ตามที่จะมาบั่นทอนความเชื่อ ความฝัน ความหวังของพวกเขา,ไม่คิด ถึงตัวเองก่อนเพื่อนที่กำลังเดือดร้อน,ไม่คิดคำนวณถึงส่วนได้ส่วนเสีย ผล กำไร-ขาดทุน, ไม่มีความคิดที่ว่า จะทำเพื่อคนอื่นไปเพื่ออะไร,ไม่มีความคิด ที่ว่า ทำเพื่อคนอื่นแล้วจะได้สิ่งใดตอบแทน
พวกเขา คือดอกไม้แห่งความหวัง เป็นเมล็ดพันธุ์อันสดใสที่กำลังผลิบาน และสิ่งจำเป็น ยิ่งในการเติบโตของทุ่งดอกไม้สะพรั่งคือปุ๋ย คือดิน คือความชุ่มชื่นจากหยาด ฝนที่โปรยสาย
หากครั้งหนึ่ง เราทุกคนต่างเคยครอบครองทุ่งดอกไม้ในหัวใจ วันนี้ สีสันสดใสและความหอมหวานนั้นยังคงอยู่หรือไม่?
อย่าปล่อยให้ความหวังและความฝันที่ครั้งหนึ่งเคยสวยสด ต้องอับเฉาหรือแห้งเหี่ยว
ไม่ว่าโลกที่เราได้พบเห็นเมื่อค่อยๆ เติบโตขึ้นจะแห้งแล้งสักแค่ไหน ก็ช่างเถิด
เพราะ อากาศเป็นพิษจากโลกข้างนอกไม่มีทางทำร้ายสวนดอกไม้ของเราได้หรอก ตราบที่เรา ไม่ลืมรดน้ำ พรวนดิน และเติมปุ๋ย เพื่อสีสันอันสดใสได้เบ่งบานและเผื่อแผ่ ถึงคนรอบข้างบ้าง
แม้เป็นเรื่องยากลำบากและเนิ่นนานกว่าดอกไม้จะผลิบานออกดอกสวยอีกครั้ง แต่ก็น่าจะพยายาม
ผลงานของ ‘วาวแพร’ เล่มนี้ ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น
............
หมายเหตุ
-ประโยคเริ่มต้นบทความ ในเครื่องหมายอัญประกาศ คือบันทึกของ 'วาวแพร'
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เป็นหนังสือที่ชอบมากเลย แต่หายไป Y_Y เศ้ามากหายที่หอ 14 ใครขโมยไปก็ไม่รู้
ตอบลบอ่าวแล้วไปเอาบทความมาจากไหนอ่ะ อย่าบอกน่ะว่าจำไว้ในหัวเหอะๆ
ตอบลบจาก web se-ed ^^V
ตอบลบ